SCG

เรียนท่านผู้ถือหุ้น

จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อตลาดพลังงาน คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารและพนักงานทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานด้วยมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน และวางรากฐานในการบริหารความเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น โดยดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และยกระดับการพัฒนาความยั่งยืนขององค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) เป็นผลให้บริษัทได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 อยู่ในระดับ A โดยติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และได้รับกิตติกรรมประกาศการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

การขับเคลื่อนมิติด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ บริษัทได้กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศไทย และเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมโดยบริษัทผ่านการรับรองขึ้นทะเบียนเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) รวมถึงการขอรับรองการขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product : CFP) ต่อไป

ผลการดำเนินงานในมิติด้านสังคม ในปี 2566 พนักงานกลุ่มบริษัทสหโคเจน ได้ประเมินผลกระทบต่อการดำเนินงานด้านสิทธิแรงงานร้อยละ 100 เป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้ และผลการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนที่มีต่อการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท อยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก”

นอกจากนี้ ในมิติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในปี 2566 บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ของสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และได้รับผลการประเมินตามโครงการประเมินคุณภาพการจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (AGM CHECKLIST) จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย 100 คะแนนเต็ม หรืออยู่ในระดับ 5 TIA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 กำไรสุทธิตามงบการเงิน 94.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 229.117 ล้านบาท จำนวน 323.22 ล้านบาท โดยบริษัทและบริษัทย่อยได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโครงการผลิตไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ให้กับลูกค้า ในรูปแบบ Private PPA ตามแผนงานที่วางไว้ และบจก. โซลาริสท์ ทุ่งฝาย (บริษัทย่อย) ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อายุสัญญา 25 ปี เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ในปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญารวม 27 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ปี 2573

ทั้งนี้ จากความมั่นคงทางการเงินของบริษัทและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ส่งผลให้ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน

นายสุจริต ปัจฉิมนันท์

ประธานกรรมการ